บทความนี้ บจก.สิทธิโชคการยาง(Tyres Station) ถึงอยากให้ความรู้เรื่องยางของ ‘รถบรรทุก’ เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะเราทุกคนรู้ดีว่ารถบรรทุกเป็นยานพาหนะที่ต้องรับมือกับงานหนักที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการลุยพื้นถนนขรุขระ หรือการบรรทุกของหนักอยู่เสมอ ทำให้ยางของรถประเภทนี้สึกหรอเร็วกว่ารถทั่วไป การเลือกและดูแลยางรถบรรทุกอย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ความแข็งแรงทนทนทาน การรองรับน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม สามารถยึดเกาะทุกพื้นผิวถนนได้เป็นอย่างดี และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน คือคีย์เวิร์ดสำคัญที่เราจะใช้กันเมื่อจะเลือกยางสำหรับรถบรรทุก แล้วทำอย่างไรเราถึงจะสามารถเลือกยางรถบรรทุกได้อย่างถูกต้องกัน บทความนี้มีคำตอบให้แล้ว
รู้จัก 4 ประเภทของดอกยางรถบรรทุก
ก่อนจะเลือกยาง มาปูพื้นฐานทำความเข้าใจกันก่อนสักนิดว่าดอกยางของรถบรรทุกจะแบ่งออกได้เป็นทั้งหมด 4 ประเภทตามนี้
ดอกละเอียด (RIB PATTERN) : ดอกยางของดอกละเอียดจะมีลักษณะเป็นแนวยาวบนหน้ายาง มาพร้อมกับร่องตื้น และจะมีลักษณะโค้งเป็นแนวตามเส้นรอบวงยาง ฟังก์ชันของดอกยางแบบนี้ก็เพื่อระบายความร้อน พร้อมกับช่วยยึดเกาะถนนให้มากขึ้น ด้วยการที่รถบรรทุกจะเป็นรถขับทางไกลเจอถนนเรียบยาว ๆ และต้องเจอกับถนนเส้นยาวเข้าโค้งตลอดเวลา ยางชนิดนี้จึงเหมาะเป็นพิเศษ
ดอกบั้ง (LUG PATTERN) :ตามชื่อ ดอกยางชนิดนี้จะมาในลักษณะของลายดอกยางและร่องยางเป็นบั้งลึกตามแนวขวางบนหน้ายาง ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะให้เพิ่มประสิทธิภาพในการตะกุยถนน เพิ่มแรงตะกุยในตอนที่รถออกตัวไปจนถึงการขึ้นที่สูงชันมาก ๆ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงมักเห็นยางประเภทนี้ในรถบรรทุกขนาดใหญ่ รถบรรทุกดิน บรรทุกหิน บรรทุกปูน
ดอกบล็อก (BLOCK) :ว่ากันด้วยลักษณะของยางดอกบล็อก ก็จะมีหน้ายางเป็นบล็อกเหลี่ยม เรียงต่อ ๆ กัน นึกง่าย ๆ ก็คือเหมือนอิฐบล็อกที่ใช้ปูทางเท้าปูเป็นแนวยางบนหน้ายาง แต่จะมีช่องว่างระหว่างบล็อกคล้ายกับยางรถยนต์แบบดอกละเอียด ไม่ว่าจะเจอทรายหรือพื้นโคลน ดอกยางนี้ก็ช่วยในการตะกุยได้สูง พร้อมยึดเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยม เหมาะกับตำแหน่งเพลาขับของรถหัวลากที่วิ่งหลังถนนวิ่งระยะทางยาวไกล หรือต้องใช้แรงกรุยถนนสูง เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานในตำแหน่งเพลาขับ
ดอกผสม (RIB–LUG PATTERN) :เพื่อให้ได้ดอกยางที่ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดอกผสมจึงเกิดขึ้นจากการนำจุดเด่นของ ดอกละเอียด + ดอกบั้ง สร้างเป็นยางที่หน้ายางตรงกลางเป็นดอกละเอียด และมียางแบบดอกบั้งวางขนาบ เกิดเป็นยางคุณภาพสูงที่ทั้งช่วยกรุยถนนได้ยอดเยี่ยม ยึดเกาะพื้นถนนอย่างดี คอนโทรลรถได้ดั่งใจ โดยเฉพาะกับรถบรรทุกที่ใช้องศาในการเลี้ยวแตกต่างจากรถทั่วไป ยางประเภทนี้ก็มาช่วยเซฟจากอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี เป็นทางเลือกที่คนใช้งานรถบรรทุกขนของหนักต่างเทใจให้
ยางรถบรรทุกที่ดีควรเป็นอย่างไร
เช็คลิสต์ยางรถที่ดีสำหรับบรรทุกในทุกประเภทจะต้องกาเครื่องหมายถูกตามข้อข้างล่างนี้ก่อนตัดสินใจซื้อ
- ดอกยางรีดน้ำได้ดี : เพราะในวันที่ฝนตกนำมาซึ่งถนนที่เปียกและความอันตรายในการควบคุมรถได้ยากขึ้น ทำให้ยางรถบรรทุกที่เดินทางไกล ๆ อยู่ตลอดเวลาจำเป็นที่จะต้องสามารถรีดน้ำได้เป็นอย่างดี
- การยึดเกาะถนน : อีกหนึ่งความสำคัญของยางรถบรรทุกที่ดีคือต้องมีประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน ไม่ลื่น ไม่สะบัด ผู้ขับสามารถคอนโทรลได้ดั่งใจ
- ระยะเบรคสั้น :ทำไมถึงต้องระยะเบรคสั้น ก็เพราะว่าเมื่อเราต้องเบรคกระทันหันถ้ามียางที่ช่วยให้ระยะเบรคสั้นลง ก็จะช่วยเซฟความปลอดัยได้มาก
- เนื้อยางมีความยืดหยุ่น : เพื่อที่จะสามารถรองรับกับแรงดันลมของยางและน้ำหนักในการบรรทุกหนักตลอดเวลา ยางรถบรรทุกที่ดีจึงต้องมีสมรรถภาพในการยืดหยุ่นโดยที่เนื้อยางไม่แข็งกระด้างจนเกินไป
- ความเงียบและนุ่มนวล :เนื่องจากว่ารถบรรทุกเป็นรถสมรรถนะสูงที่อาจส่งเสียงรบกวนในการขับขี่ได้มากกว่ารถอื่น ๆ ยางรถยนต์ที่เงียบและมีความนิ่มนวลในการรองรับการกระแทก ก็จำเป็นที่จะต้องมี ทั้งดีต่อตัวผู้ขับขี่และผู้คนข้างนอกด้วย
- รับน้ำหนักได้ดี : แน่นอน นี่คือหนึ่งในข้อที่สำคัญที่สุดแล้ว ยางรถบรรทุกที่ดีต้องสามารถรองรับน้ำหนักของการบรรทุกได้อย่างยอดเยี่ยมกว่ายางประเภทอื่น ๆ
วิธีเลือกซื้อ ยางรถบรรทุก ให้ตอบโจทย์การใช้งาน
เลือกประเภทของยางรถบรรทุก :เพื่อให้สามารถใช้ยางรถบรรทุกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยที่ไม่สึกหรอก่อนกำหนด จำเป็นที่จะต้องรู้ว่ายางของรถบรรทุกจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
- ยางเรเดียล แบบไม่ใช้ยางใน : ข้อดีของยางประเภทนี้คือ ตัวยางหน้ากว้าง ยึดเกาะถนนสูง รีดน้ำได้ดี วิ่งล่องวิ่งไกลทนทาน และราคาต่อเส้นเมื่อเทียบกับยางที่ใช้ยางใน และยางรองแล้ว บางตัวจะมีราคาที่ถูกกว่า ไซส์ยางที่นิยมในปัจจุบันในประเทศไทยที่ใช้กันคือ 11R22.5 , 275/80R22.5 , 275/70R22.5 , 295/80R22.5 และไซส์อื่นๆ ยางเบอร์ที่กล่าวมาข้างต้นเพียงมีแค่ ยางกับกะทะล้อ เมื่อใส่และเติมลมเสร็จเรียบร้อยก็สามารถใช้งานได้เลย โดยกะทะที่นิยมใส่ควบคู่กับยางไซส์นี้คือ 8.25×22.5
- ยางเรเดียล แบบใช้ยางใน: ยางชนิดนี้โครงสร้างจะเหมือนกับยางเรเดียลแบบที่ไม่ได้ใช้ยางในทุกประการ แต่ขนาดยางจะครอบคลุมกับกะทะล้อเดิมส่วนใหญ่ที่ติดรถออกมาจากศูนย์ พูดง่ายๆก็คือ สำหรับคนที่ไม่ต้องการที่จะซื้อกะทะล้อใหม่ สามารถใช้ยางเรเดียลแบบนี้ได้เลยเพียงแต่ใส่ยางในและยางรอง เพื่อให้สามารถเก็บลมอยู่ภายในล้อได้เนื่องจากกะทะล้อเป็นแบบคิ้ว ไซส์ยางที่นิยมในปัจจุบันในประเทศไทยสำหรับยางแบบนี้ที่ใช้กันคือ 7.00R16 , 7.50R16 , 8.25R16 , 9.00R20 , 10.00R20 , 11.00R20 , 12.00R20 และไซส์อื่นๆ
- ‘ยางผ้าใบ’: ยางชนิดนี้โครงสร้างเป็นแบบผ้าใบ จะต้องใช้ยางในและยางรองควบคู่ทุกครั้งเมื่อใช้งาน หน้ายางจะแคบกว่ายางเรเดียลเล็กน้อย แต่ข้อดีคือตัวยางมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับงานดินหรือรถที่ต้องเข้าหน้างานบ่อยๆตัวรถและยางต้องทนต่อแรงบิดและแรงเค้นจากด้านข้าง ทำให้ไม่เกิดปัญหาเมื่อใช้งานอย่างหนัก และเมื่อเกิดปัญหาถูกสิ่งของมีคมทิ่มแทงเข้าไปในตัวยางโอกาสที่ยางจะระเบิดและสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างรถนั้นมีน้อยกว่ายางเรเดียล เนื่องจากส่วนที่เก็บลมของยางขนิดแบบนี้คือยางใน ทำให้การระเบิดอยู่แค่ภายในตัวยางเท่านั้น ไม่ส่งผลให้หน้าดอกยางนอกระเบิดสร้างความเสียหายต่อโครงสร้าง และยางชนิดนี้จะง่ายต่อการซ่อมแซมเมื่อเกิดปัญหาด้วย เพียงแค่เปลี่ยนยางใน หรือปะเท่านั้นก็สามารถใช้งานต่อได้เลย ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปได้อีกด้วย ไซส์ยางที่นิยมในปัจจุบันในประเทศไทยสำหรับยางแบบนี้ที่ใช้กันคือ 7.00-16 , 7.50-16 , 8.25-16 , 9.00-20 , 10.00-20 , 11.00-20 , 12.00-20 และไซส์อื่นๆ
การใช้งาน : ข้อสุดท้ายและจริง ๆ อาจจะเป็นข้อแรกที่ต้องคิดก่อนจะเลือกยางด้วยซ้ำ เราเป็นคนขับรถบรรทุกประเภทไหน ใช้งานทำอะไร สภาพของถนนที่วิ่งทุกวันขรุขระมากน้อยเท่าไหร่ สิ่งนี้ก็จะช่วยให้เราได้ยางที่ตอบโจทย์ความปลอดภัยและมีอายุการใช้งานยาวนานอย่างที่ควรจะเป็น
6 วิธีดูแลรักษายางรถบรรทุก
- การเติมลมยางที่เหมาะสม : ระดับของลมยางจะต้องไม่น้อยจนเกินไป เพราะจะทำให้ยางของรถบรรทุกมีลักษณะบวมร่อน ดอกยางจะสึกและอายุการใช้งานก็จะสั้นลง พอดอกยางสึกก็จะเกิดแรงฝืดทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม และในทางตรงข้ามกัน ลมยางก็จะมากเกินไปไม่ได้ด้วย เพราะจะทำให้ยางเปราะเมื่อได้รับแรงกระแทกและอาจระเบิด
- การสลับตำแหน่งยาง :ไม่ต่างกันกับรถยนต์ทั่วไปที่จะต้องคอยสลับตำแหน่งยางรถอยู่เสมอ ตัวรถบรรทุกเองเพราะมีลักษณะของยางล้อคู่ จึงจะมีวิธีการสลับยางที่ต่างจากรถทั่วไป และจะสลับทุก ๆ การวิ่ง 10,000 – 20,000 กม.
- การบรรทุกด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม : สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราใช้งานบรรทุกของหนักเกินความจำเป็นก็คือ ตัวโครงผ้าใบบริเวณขอบยางที่รับน้ำหนักมาก ๆ อาจหัก และยางอาจผิดรูปเกิดเป็นลักษณะบวมร่อน ไปจนถึงเกิดการระเบิด
- การดูแลรักษาศูนย์ล้อ : การตั้งศูนย์ล้อของรถบรรทุกจะไม่ได้ตั้งตามแนวดิ่งเหมือนรถยนต์ปกติ แต่จะเป็นในลักษณะของการทำมุมกับตัวรถ เพื่อให้สามารถวิ่งตามทิศทางที่กำหนดได้ดีขึ้น ไปจนถึงบังคับหักเลี้ยวได้ดั่งใจ โดยควรทำทุก ๆ 6 เดือน
- การจัดเรียงสินค้าบนรถบรรทุกให้สมดุล :สิ่งนี้สำคัญมากกับรถบรรทุกที่ใช้งานบรรทุกของหนักตลอดเวลา เราจำเป็นที่จะต้องวางสินค้าให้อยู่ในตำแหน่งที่สมดุลกัน ไม่เอนเอียงน้ำหนักไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากจนเกินไป ไม่อย่างนั้นจะส่งผลเสียต่อศูนย์ของล้อได้
- ขับขี่ด้วยความเร็วที่พอดี :การขับขี่ด้วยความเร็วที่มากจนเกินไปจะส่งผลเสียต่อยางรถบรรทุก สร้างระยะห่างในการเบรกเพื่อหยุดรถบรรทุกเพิ่มมากขึ้น ดอกยางจะสึกหรอเร็วกว่าปกติ เกิดความร้อนภายในยาง นอกจากจะทำให้เสียพลังงานและน้ำมัน ยังอาจนำไปสู่ยางระเบิดได้อีกด้วย
บทความนี้อาจจะดูยาวเป็นพิเศษ นั่นก็เพราะว่ายางรถบรรทุกต้องใช้ความใส่ใจในการเลือกเพื่อจุดหมายในการปลอดภัยของทุกการขับขี่ และเพราะว่า บจก.สิทธิโชคการยาง(Tyres Station) เราอยากให้ผู้ใช้งานรถบรรทุกขับขี่อย่างปลอดภัย